พิธีกรคุณภาพในประเทศไทย มีอยู่ไม่กี่คน และหนึ่งในนั้นจะเป็นใครไม่ได้เลยนอกจาก คุณณวัฒน์ อิสระไกรศีล ซึ่งล่าสุดเปิดเผยประสบการณ์ คนใกล้ตัวเสียชีวิตเพราะเบาหวาน โดยเจ้าตัวเผย เรื่องนี้ทำให้ถึงกับกลัวเบาหวานแบบสุดๆ ….น่ากลัวแค่ไหน…ไปฟังกัน !!!
“เรารู้สึกว่าเขามีอะไรผิดปกติบางอย่าง อยู่ๆ ผิวของเขาก็เริ่มดำในบางจุด เช่น ข้อศอก หัวเข่า หรือไม่ก็ตามข้อมือ ….แต่เราก็ไม่ได้ทักท้วงหรืออะไร…เพราะเขาก็ยังใช้ชีวิตเหมือนทุกๆวัน ไม่ได้มีอะไรที่แย่เกินไป
พิธีกรคุณภาพในประเทศไทย มีอยู่ไม่กี่คน และหนึ่งในนั้นจะเป็นใครไม่ได้เลยนอกจาก คุณณวัฒน์ อิสระไกรศีล ซึ่งล่าสุดเปิดเผยประสบการณ์ คนใกล้ตัวเสียชีวิตเพราะเบาหวาน โดยเจ้าตัวเผย เรื่องนี้ทำให้ถึงกับกลัวเบาหวานแบบสุดๆ ….น่ากลัวแค่ไหน…ไปฟังกัน !!!
“เรารู้สึกว่าเขามีอะไรผิดปกติบางอย่าง อยู่ๆ ผิวของเขาก็เริ่มดำในบางจุด เช่น ข้อศอก หัวเข่า หรือไม่ก็ตามข้อมือ ….แต่เราก็ไม่ได้ทักท้วงหรืออะไร…เพราะเขาก็ยังใช้ชีวิตเหมือนทุกๆวัน ไม่ได้มีอะไรที่แย่เกินไป
พิธีกรคุณภาพในประเทศไทย มีอยู่ไม่กี่คน และหนึ่งในนั้นจะเป็นใครไม่ได้เลยนอกจาก คุณณวัฒน์ อิสระไกรศีล ซึ่งล่าสุดเปิดเผยประสบการณ์ คนใกล้ตัวเสียชีวิตเพราะเบาหวาน โดยเจ้าตัวเผย เรื่องนี้ทำให้ถึงกับกลัวเบาหวานแบบสุดๆ ….น่ากลัวแค่ไหน…ไปฟังกัน !!!
“เรารู้สึกว่าเขามีอะไรผิดปกติบางอย่าง อยู่ๆ ผิวของเขาก็เริ่มดำในบางจุด เช่น ข้อศอก หัวเข่า หรือไม่ก็ตามข้อมือ ….แต่เราก็ไม่ได้ทักท้วงหรืออะไร…เพราะเขาก็ยังใช้ชีวิตเหมือนทุกๆวัน ไม่ได้มีอะไรที่แย่เกินไป
พิธีกรคุณภาพในประเทศไทย มีอยู่ไม่กี่คน และหนึ่งในนั้นจะเป็นใครไม่ได้เลยนอกจาก คุณณวัฒน์ อิสระไกรศีล ซึ่งล่าสุดเปิดเผยประสบการณ์ คนใกล้ตัวเสียชีวิตเพราะเบาหวาน โดยเจ้าตัวเผย เรื่องนี้ทำให้ถึงกับกลัวเบาหวานแบบสุดๆ ….น่ากลัวแค่ไหน…ไปฟังกัน !!!
“เรารู้สึกว่าเขามีอะไรผิดปกติบางอย่าง อยู่ๆ ผิวของเขาก็เริ่มดำในบางจุด เช่น ข้อศอก หัวเข่า หรือไม่ก็ตามข้อมือ ….แต่เราก็ไม่ได้ทักท้วงหรืออะไร…เพราะเขาก็ยังใช้ชีวิตเหมือนทุกๆวัน ไม่ได้มีอะไรที่แย่เกินไป
กระทั่งวันหนึ่ง….ก็ต้องถึงกับช็อค……เมื่อตื่นขึ้นมาพร้อมกับข่าวที่ได้รับจากทาง จส.100 ว่าพนักงานของคุณเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน ล้มไปหน้าที่พัก ตอนนั้นคือผมรีบไปที่โรงพยาบาลเลย
…..แต่พอไปถึงก็ได้พบว่า……เขาได้เสียชีวิตไปแล้ว
เป็นเรื่องที่เศร้าที่สุดและไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย ไม่ว่ากับใคร ………โดยหลังจากที่เขาเสียชีวิตได้มีการวินิจฉัยว่าเกิดจากอะไร ….ผลปรากฎว่า…. ผลวินิจฉัยก็คือ… เขาน้ำตาลขึ้น 600 กว่า โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว ไม่เคยรักษาเบาหวาน ไม่พบแพทย์ ไม่อะไรทั้งนั้นเลย
เราก็เริ่มกลัว…เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ เพราะว่าส่วนตัวทำงานหนักมากๆ ถ่ายรายการเยอะ ต้องชิมอาหารบ่อยๆ …. ไม่สามารถหลีกเลี่ยงอาหารประเภทของมัน ของทอด ของหวาน หรือพวกที่มีน้ำตาล-ไขมันสูงๆ ได้เลย
จากวันนั้น ผมเลยเริ่มดูแลตัวเองเลยครับ…….. โดยเริ่มจากการทาน…แต่ว่าด้วยหน้าที่การงาน เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทานจริงๆ ก็เลยสรรหาตัวช่วยมาดูแลในเรื่องของสุขภาพ และควบคุมน้ำตาลในเลือดโดยตรงเลย เพราะอายุเราก็มากแล้ว ไม่ดูแลตัวเองจะต้องลำบากหนักแน่ๆ ….โดยวิธีการเลือกก็จะเลือกจากอะไรที่เป็นมิตรต่อร่างกาย พวกสมุนไพร ออแกนิกต่างๆ
และผมก็ได้มาเจอกับ “ที-มิกซ์” เป็นชาสมุนไพร ช่วยบำรุงสุขภาพและดูแลเรื่องน้ำตาลในเลือดโดยเฉพาะ…. เรียกได้ว่าเป็นทางเลือกที่ทำให้เราดูแลตัวเองได้ง่ายขึ้น….เป็นชาสมุนไพรที่ใช้จิบดื่มได้ระหว่างวัน…ดื่มง่าย ….ให้ความรู้สึกสดชื่นดีครับ…เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับคนกลัวเบาหวานแบบผมเลย…….!!!
นอกจาก คุณณวัฒน์ อิสระไกรศีล แล้ว ยังมีคุณลูกษอน ซึ่งได้เผยประสบการณ์ของคุณแม่ ให้ได้เป็นอุทาหรณ์เพื่อดูแลสุขภาพ …. เรื่องจะเป็นยังไง มาฟังพร้อมกันเลย !!!
“คุณแม่ลูกษอนอายุ 90 ปีค่ะ คุณแม่เป็นคนที่ตัวเล็กมากๆ ก่อนหน้านี้เมื่อ 3-4 ปีที่แล้ว คุณแม่ของลูกษอนติดขนม…ทานเบเกอร์รี่ ทานขนมเต็มไปหมด โดยก่อนนอนจะต้องทานแบบนี้ตลอด แล้วก็ทานนมถั่วเหลืองเป็นขวดๆอีกด้วย ปรากฎว่าหลังจากที่มีพฤติกรรมแบบนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ คุณแม่ค่อยๆเพลียลงเรื่อยๆ…
ตอนนั้นคุณแม่ก็คิดเข้าข้างตัวเองว่า อ๋อ สังสัยเราเป็นมังสวิรัติ เราเป็นคนทานเจ อาจเป็นการทานอาหารซ้ำซาก เบื่ออาหารก็เลยทำให้ กินไม่ลง ก็เป็นได้ แต่ต่อมาน้ำหนักคุณแม่ก็ลดฮวบ ลดลงไป 5 กิโล อาการต่อมาก็คือมีท้องบวมร่วมด้วย”
อาการต่อจากนั้นก็คือ คุณแม่เพลีย ลุกไม่ขึ้น คือวันๆเพลีย นอนๆ เกือบทั้งวัน เราก็คิดว่าอ๋อ คุณแม่แก่แล้ว อาจจะเหนื่อยง่าย… จนวันนึงเชื่อไหมคะว่า คุณแม่เนี่ย เดินมาหาเรา แล้วบอกว่า พาแม่ไปหาหมอที พาแม่ไปตรวจหน่อย…ไม่ไหวแล้ว …คือปกติแล้วคนแก่น่ะค่ะ.. เราชวนให้ไปตรวจสุขภาพประจำปี… ไม่มีวันไปอยู่แล้วค่ะ เซย์โนวตลอดชีวิต นึกออกไหมคะ เราก็พาไปหาคุณหมอเลย
อันนี้ต้องเตือนให้ทุกคนเลยนะคะ ถ้ามีใครในบ้าน นอนเท่าไหร่ก็ยังเพลีย บางคนนอนบ่าย แต่ก็ยังเพลียไม่สดชื่น ให้ไปตรวจ “ตับ” ก่อนเลยค่ะ “ตับ” เป็นอวัยวะที่สำคัญมาก ทั้งตับและตับอ่อน
ปรากฏว่าตรวจเจอ….คุณแม่ “ตับบวม” คุณหมอก็ให้ยามารักษาเรื่องอาการตับ กระทั่งอาการที่วิกฤติดีขึ้น แต่ค่าตับทำยังไงก็ไม่ปกติ คุณแม่ยังเพลีย ยังไม่มีแรง ยังไม่เหมือนเดิมอะค่ะ สุดท้ายนี่แหละค่ะ เป็นอนิสงค์ของที่พี่ได้ฟังเรื่องความรู้และค่อยๆเก็บเกี่ยวมาสักพัก เกี่ยวกับสมุนไพร 4 อย่าง ที่สามารถช่วยฟื้นฟูตับได้ ได้แก่ เห็ดหลินจือ ใบหม่อน เจียวกู่หลาน ชะเอมเทศ ก็ได้ไปรู้จักกับ “ชาที-มิกซ์” ให้คุณแม่ทาน หลังจากนั้นประมาณไม่เกิน 2 เดือน ไม่น่าเชื่อค่ะ ค่าตับทุกตัวลงหมด ก็เลยดื่มใหญ่เลย ตอนนี้ดื่มทั้งครอบครัวแล้วค่ะ ส่งต่อไปถึงเพื่อนๆของแฟนที่เขามีปัญหาเรื่องนี้ด้วย
มีอีกเคสหนึ่งค่ะ เป็นเรื่องของเพื่อนสามี… เขาเป็นรุ่นน้องที่รู้จักกัน มีวันหนึ่งเขาโทรมาหาสามีแล้วบอกว่า พี่ผมไม่ไหวแล้ว เขาบอกเขาเป็นเบาหวาน น้ำตาลขึ้น 500 กว่า เราก็ฟังแล้วแบบเห้ย ไม่ช็อคไปแล้วเหรอ ? แล้วเขาบอกทำยังไงน้ำตาลเขาก็ไม่ลง คุมไม่อยู่แล้ว เริ่มขึ้นตาแล้ว ตาจะบอดแล้ว แล้วก็เริ่มไปไต คือหลังของเขาเนี่ย เริ่มแตะไม่ได้แล้ว…
เราก็เลยซื้อ T-Mixes ให้ค่ะ ซื้อให้เขาเลย เพราะเขาเสียเงินไปกับการหาวิธีรักษาเยอะมากแล้ว แล้วก็ตกงานจากการที่เป็นเบาหวานแล้วไม่มีแรง ผ่านไปเดือนกว่า เขาแข็งแรงขึ้นค่ะ กลายเป็นเหมือนคนปกติ คือกลับไปกินพิซซ่า กลับไปกินทุเรียน เห็นแบบนั้นก็ตกใจ เตือนไปว่า เห้ย! เวลาน้ำตาลลดลงแล้ว อย่าย่ามใจ อย่าทำอย่างนี้ ต้องคุมน้ำตาล คุมอาหารด้วย เขาบอกก็ไม่รู้สิ ทุกครั้งพอเขากลับไปเช็คเลือด น้ำตาลก็ไม่ขึ้น !
ซึ่ง T-Mixes จะมี “ใบหม่อน กับเจียวกู่หลาน” ที่ช่วยคุมและลดระดับน้ำตาลในเลือด คือ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่พี่รู้จักด้วยเรื่องของเบาหวานก่อน แต่ว่าความที่ดีต่อตับด้วย แล้วคุณแม่พี่เนี่ยกินแป้ง กินน้ำตาลเยอะ พี่ก็เลยให้เขาดื่ม T-Mixes เพื่อลดน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงเรื่องเบาหวานด้วย
หลักการของสมุนไพรของ T-Mixes ตัวนี้ก็คือฟื้นฟูค่ะ ให้ตับกับตับอ่อนกลับมา คือวิธีการชง จะเหมือนชงชาเลยแต่ว่าไม่มีใบชา ให้ต้มน้ำร้อน แล้วก็ใส่ซองสีขาวๆลงไป แล้วดื่มแทนน้ำ ขอบอกเลยว่าหอมมากๆ หลายคนอาจจะบอกว่า ฉันไม่เคยดื่มชาเลยไม่กล้าดื่ม แต่จะบอกเลยว่า กลิ่นของชาสมุนไพรตัวนี้ เหมือนพวกชา คาโมมายด์ กลิ่นเหมือนเราเอาใบไม้ เอาดอกไม้มาต้มดื่ม ที่สำคัญดื่มแทนน้ำได้เลยทั้งวันค่ะ
การทาน ถ้าจะให้สมุนไพรออกฤทธิ์… ต้องชงแบบร้อนจัดค่ะ เมื่อฤทธิ์ของสมุนไพรทำงาน จากนั้นเราจะนำไปแช่เย็นก็ได้ หรือจะใส่น้ำแข็งดื่มแบบไหนก็ได้เลยค่ะ อยากให้ลองเลยนะคะ มาดูแลร่างกายของเราด้วยสมุนไพรที่ดีและเป็นมิตรต่อสุขภาพกันค่ะ
ความเชื่อที่ว่า “โรคเบาหวาน” จะเกิดเฉพาะผู้สูงอายุ หรือเฉพาะผู้ที่มีรูปร่างอ้วนนั้น ไม่จริงเลย เพราะสาเหตุที่แท้จริงเกิดจาก การที่ตับอ่อนผลิตอินซูลินได้ไม่ปกติ อาจเกิดจากพฤติกรรมการทานอาหารหรือกรรมพันธุ์นั่นเอง เรามาดูประเภทของโรคเบาหวานกัน จะได้เข้าใจว่า แท้ที่จริงแล้วโรคเบาหวานสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัยจริงๆ
สาเหตุของโรคเบาหวาน
สาเหตุเกิดจาก “ตับอ่อน” ซึ่งเป็นตัวควบคุมน้ำตาลในร่างกาย ผลิตอินซูลินไม่เพียงพอ เรียกว่า “ภาวะขาดอินซูลิน” หรือ เกิดจากการตอบสนองของอินซูลินที่ลดลง หรือที่เรียกว่า “ภาวะการดื้อต่ออินซูลิน” เพราะอินซูลินมีหน้าที่คอยนำน้ำตาลเข้าสู่ส่วนต่างๆของร่างกายแล้วนำไปเปลี่ยนเป็นพลังงาน แต่เมื่ออินซูลินมีปัญหาจึงส่งผลต่อส่วนต่างๆในร่างกายทำให้ทำงานผิดปกติ
โรคเบาหวานมีด้วยกัน 2 ชนิด
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 เกิดจากการที่ร่างกายผลิตอินซูลินไม่เพียงพอ ผู้ป่วยชนิดนี้มักพบในเด็กหรือมีอายุน้อย ซึ่งมักจะมีรูปร่างที่ผอม เพราะร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เพียงพอ ต้องทำการรักษา
วิธีการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 1 คือ ฉีดฮอร์โมนอินซูนลิน เพื่อให้เพียงพอต่อการที่ร่างกายจะนำไปใช้ได้
โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เกิดจากการที่ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน มักพบในผู้ป่วยที่มีอายุมาก และมีรูปร่างอ้วน ร่างกายยังสามารถผลิตอินซูลินได้ แต่ไม่สามารถนำไปใช้ ต้องทำการทำการรักษา
วิธีการรักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2 รักษาโดยการฉีดอินซูลิน และยาบางชนิดเพื่อทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำลงได้
เรื่องสำคัญ เกี่ยวกับ “เบาหวานในประเทศไทย” ที่ต้องรู้ !!!
จากข้อมูล สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย พบว่า คนไทย 1 ใน 11 คนเป็นโรคเบาหวาน โดยมีอัตราความชุกของโรคเบาหวานในประชากรไทยที่อายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น จากร้อยละ 6.9 เป็นร้อยละ 8.8 ในช่วงระยะเวลา 10 ปี (พ.ศ.2547-2557) ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่ากลัวมาก พึงควรระวังให้จริงจังเป็นอย่างยิ่ง สามารถดูข้อมูลการป้องกันโรคเบาหวานได้ ที่นี่ (ใส่ Link คลิกไปหน้า Topic นั้น)
นอกจากนี้ ยังพบว่า ประชากรหญิงในไทยเป็นโรคเบาหวาน ร้อยละ 9.8% ในขณะที่ ประชากรชายเป็นเบาหวานร้อยละ 7.8 และยังพบว่า กลุ่มอายุ 60-69 ปี มีความชุกของโรคเบาหวานสูงสุด ผู้หญิง ร้อยละ 21.9 ผู้ชายร้อยละ 15.9 นั่นหมายถึง พบว่าผู้หญิงมีเปอร์เซ็นการเป็นโรคเบาหวานมากกว่า
ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเบาหวาน
คุณเสี่ยงเป็นเบาหวานหรือไม่ ? สังเกตอาการของผู้ที่เป็นเบาหวาน ได้ดังนี้
ทำอย่างไรให้ไม่เป็นเบาหวาน
เพียงเท่านี้เราก็สามารถมีสุขภาพที่ดีและห่างไกลเบาหวานได้แล้ว โรคเบาหวานมีความน่ากลัวก็จริง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปที่จะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในคนที่เรารักหรือตัวเราเอง เพียงเรารู้วิถีทางป้องกัน หรือรู้วิธีรักษาที่ถูกต้อง คนใกล้ตัวที่เรารัก และตัวเราเองก็จะปลอดภัย ห่างไกลจาก “โรคเบาหวาน” อย่างสมบูรณ์